เขียนโดย Super User

     สคอ.และภาคี หนุนขับขี่ปลอดภัย “ฝึกก่อนใช้ปลอดภัยกว่า”วันที่ 20 พ.ย.62 สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ) สำนักงานกองทุนสนับสนับการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย สมาคมสื่อช่อสะอาด สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย สมาคมเครือข่ายหมออนามัยวิชาการ เครือข่ายบรรณาธิการ 17 จังหวัดภาคเหนือ บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจำกัด จัดประชมขับเคลื่อนประชาสัมพันธ์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ครั้งที่ 2 ภาคเหนือ เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ สร้างกระแส ร่วมวิเคราะห์ ค้นหาปัญหาและวางแผนแก้ไข ผลักดันนโยบายให้เป็นรูปธรรม โดยมีแกนนำผู้บริหาร ได้แก่ นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ นายแพทย์ประดิษฐ์ รุ่งพิบูลย์โสภิษฐ์ หัวหน้าโครงการสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจร ในระดับจังหวัด (สอจร.) ภาคเหนือตอนล่าง
    นายชัชวาลย์ คำไท้ คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย นายธานินทร์ วงศ์รักไทย ผู้จัดการภาคเหนือตอนบน บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด นายวิริยา ธรรมเรืองทอง นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย นางสาวเพชรณทัย ไทยสาละวิน ผู้แทนสมาคมสื่อช่อสะอาด นายกสมาคมสื่อช่อสะอาด นายอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด นายอนันท์ ดวงอินต๊ะ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอพญาเม็งราย จ.เชียงราย สมาคมเครือข่ายหมออนามัยวิชาการ นายอาทิตย์ แสงสว่าง ประธานเครือข่ายบรรณาธิการ 17 จังหวัดภาคเหนือ ร่วมให้ข้อมูล และแนวทางการสื่อสารเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ณ โรงแรม ดิเอ็มเพรสเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ข้อมูลล่าสุดขององค์การอนามัยโลก จัดอันดับการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทยลดลงมาอยู่ที่อันดับ 9 ของโลกจากอันดับ 2 ขณะที่กรมการขนส่งทางบกระบุว่าจำนวนรถจดทะเบียนสะสมทั่วประเทศจนถึงปัจจุบันกว่า 38 ล้านคัน เป็นรถจักรยานยนต์ 20 กว่าล้านคัน มีใบอนุญาตขับขี่เพียง 13 กว่าล้านใบเท่านั้น ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือรถจักรยานยนต์ ซึ่งที่ผ่านมาการขับขี่รถมอเตอร์ไซต์มักใช้วิธีฝึกกันเอง แบบพี่สอนน้อง พ่อสอนลูก และไม่มีใบขับขี่ ทำให้ขาดทักษะที่ถูกต้อง รวมทั้งความรู้ด้านกฎหมายจึงทำให้ความสูญเสียที่เกิดจากรถมอเตอร์ไซต์ตั้งแต่รถแบบครอบครัวไปจนถึงรถขนาดใหญ่ เช่น บิ๊กไบท์ เป็นปัญหาใหญ่สำหรับประเทศไทย การแก้ไขระดับหนึ่งคือการสื่อสารผ่านสื่อมวลชน ชวนผู้ขับขี่เข้ารับการฝึกอบรมพัฒนาทักษะความรู้ให้มากขึ้น
นายอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้าได้รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย ภายใต้โครงการ Safety Thailand ทั้งการพัฒนาหลักสูตรขับขี่ปลอดภัยที่เหมาะสมกับสภาพจราจรในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการผลิตครูฝึกขับขี่ปลอดภัย เพื่อถ่ายทอดความรู้ ให้กับประชาชนในทุกจังหวัดทั่วประเทศ และมีแนวคิดที่จะผลักดันความรู้ ด้านขับขี่ปลอดภัยขยายออกไปในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งการดำเนินการเช่นนั้นได้ จำเป็นต้องมีวิทยากรเผยแพร่ ความรู้ด้านความปลอดภัยเป็นจำนวนมาก และต้องกระจายไปในสาขาวิชาชีพต่างๆ จึงเห็นความจำเป็นที่จะต้องมีศูนย์ฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัยที่มีอุปกรณ์การสอนครบถ้วนสมบูรณ์แบบ เพื่อรองรับการขยายตัวดังกล่าว จึงได้ตัดสินใจสร้างศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าขึ้นในปี พ.ศ. 2537 จนปัจจุบันศูนย์อบรมขับขี่ปลอดภัย มีจำนวน 4 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ เชียงใหม่ และภูเก็ต เฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น 34,239 คน ด้วยหลักสูตรการขับขี่ที่ได้มาตรฐานระดับสากล จะมีการสอนตั้งแต่ระดับที่ขับรถไม่เป็นมาก่อนไปจนถึงระดับการพัฒนาทักษะเฉพาะ เช่น การฝึกใช้เบรค ทางโค้ง ลูกระนาด การทรงตัวฯ ทั้งนี้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะที่คนใช้มากและเข้าถึงได้ง่าย ผู้ขับขี่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกทักษะความรู้ กฎระเบียบวินัยจราจร เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุที่อาจะเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ผู้สนใจที่ฝึกพัฒนาทักษะขับขี่ปลอดภัย สามารถเข้าไปดูรายละเอียด ข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ https://www.aphonda.co.th/ho…/…/honda-safety-activities.ashx

  

  

  

  

  

0
0
0
s2smodern